คืบหน้า อส.เมืองยะลา ทะเลาะวิวาทก่อนชักปืนยิงใส่ รปภ.

เจ็บ 2 ราย ล่าสุดปลัดอำเภอรอผลพักราชการหรือให้ออกไว้ก่อน


จากกรณี นายชัยยันต์ ขุนทาวดี อายุ 39 ปี ซึ่งเป็น อส.เมืองยะลา จ.ยะลา พร้อมเพื่อนไปนั่งฟังเพลงท่องเที่ยวยามราตรี จนมีอาการมึนเมาแล้วเกิดการทะเลาะวิวาท กับ รปภ.ร้านเพื่อนเกลอ(ร้านเพลงเพื่อชีวิต)ใจกลางเมืองยะลา แล้วได้ไปเอาอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ยิงเข้าใส่ นายอุดม ส่งเสริม อายุ 39 ปี รปภ.ประจำร้านและ นายธนานันต์ อินทศระ อายุ 23 ปี จำนวน 2 นัด จนทำให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เกิดเหตุหน้าร้านเพื่อนเกลอ ถ.จงรักษ์ ภายในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา หลังก่อเหตุ ปลัดอำเภอเมืองยะลา ทราบเรื่องแล้วได้ค้นหาและนำตัวผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.นราวี บินแวอารง ผกก.สภ.เมืองยะลา โดยทันที เหตุเกิดเมื่อเวลา 00.30 น. ของวันที่ 21 ก.พ.64 ที่ผ่านมานั้น


ความคืบหน้าในเรื่องนี้ วันนี้ 22 ก.พ.64 เวลา 10.00 น.ผู้สื่อข่าวได้ติดตามในเรื่องนี้
อย่างใกล้ชิด โดย นายสมบูรณ์ พรหมณี ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองยะลา(รักษาราชการแทน นายอำเภอเมืองยะลา) กล่าวว่า ตนเองได้ทราบเรื่องหลังจากเหตุการณ์เกิดประมาณ 30 นาที ได้รีบดำเนินการรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น วินาทีนั้นยังไม่มีความชัดเจนว่าผู้กระทำเป็นใคร เมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงก็ทราบแน่ชัดเจนว่าเป็นกำลังพลสมาชิก อส. ของอำเภอเมืองยะลา รีบให้ปลัดป้องกันติดต่อผู้ก่อเหตุ ทราบว่าไปหลบในพื้นที่ ต.ยุโป อ.เมืองยะลา จ.ยะลา จึงรีบดำเนินการประสานให้ออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ


สภ.เมืองยะลา ในเรื่องของการดำเนินการเรื่องของคดีตามกฎหมายซึ่งความผิดที่กระทำในครั้งนี้เป็นความผิดเรื่องส่วนตัวไม่ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ ความผิดส่วนตัวให้ทางฝ่ายบ้านเมือง ทางฝ่ายเจ้าพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการไปตามกระบวนการของกฏหมายซึ่งถ้ามีความผิดต้องลงโทษตามกฎหมาย เนื่องจากว่าผู้กระทำเป็นกำลังพลสมาชิก อส.เมืองยะลา ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนายชัยสิทธิ์ พานิชพงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาได้สั่งการไว้ชัดเจนว่าให้ควบคุมความประพฤติของสมาชิกกำลังพลให้อยู่ในระเบียบวินัย อส.เป็นกำลังพลกึ่งทหารมีระเบียบวินัยที่บังคับอยู่ชัดเจน เพราะฉะนั้นขั้นตอนต่อไปเมื่อได้รับรายงานตามหลักฐาน ตามเอกสารเรียบร้อยแล้วในกระบวนการต้องดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง สอบวินัยต่อไปซึ่งโทษฐานวินัยมีตามลำดับชั้นอยู่แล้วสำหรับกำลังพลสมาชิก อส.

อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเมื่อสิ้นสุดกระบวนการขั้นแรกของเจ้าพนักงานสอบสวน ทางเราจำเป็นต้องไปพิจารณาดูว่ากระบวนการโทษถึงไหน อาจจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนให้พักราชการหรือให้ออกไว้ก่อน แต่ว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎระเบียบวินัยของสมาชิก อส. เรียนว่าทางราชการโดยเฉพาะทางกองร้อย อส. พยายามที่จะควบคุมบังคับบัญชาสมาชิก อส.ที่อยู่ในกำลังพลซึ่งมีอยู่ด้วยกันจำนวนมาก มีจำนวน 500 กว่านาย อาจจะมีบ้างที่ประพฤตินอกลู่นอกทาง

อย่างไรก็ตามการกระทำใดๆที่สร้างความเดือดร้อน สร้างความเสื่อมเสียกับราชการจำเป็นต้องดำเนินการตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด จากการสอบถามในเบื้องต้นยังไม่เจอเจ้าตัว สอบถามจากผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนที่เป็นสมาชิก อส.ด้วยกันทราบว่ามีทั้งคู่มีมูลเหตุมาก่อนแล้ว ประจวบเหมาะไปเจอกันแล้วอาจมีการกระทบกระทั่งเกิดขึ้นทำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้

อ่านต่อ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *