เมื่อวานนี้ มีโพสแพร่ภาพถ่ายจากเฟสบุ้คSamart remนายสามารถ สาเร็ม ว่า สุสานโบราณ อายุกว่า 300 ปีในกุโบร์ สุลต่าน สุลัยมาน ชาร์ ถูกทำลาย มรดกความทรงจำหลายร้อยปีของเมืองสงขลาได้หายไปอีกแล้ว ทั้งนี้สถานที่แห่งนี้ถูกขึ้นทะเบียนกรมศิลปากร และอยู่ในกลุ่มโบราณคดีเมืองสงขลาที่กำลังดำเนินเรื่องจดทะเบียนของยูเนสโก อีกด้วย
นายสามารถ สาเร็มนักวิจัยเก็บข้อมูลท้องถิ่น เล่าว่า ตนกับรุ่นพี่ ได้มาเก็บข้อมูลที่สงขลา บริเวณโบราณสถานต่างๆรอบๆ ระหว่างทางได้เเวะที่กูโบร์สุลต่านสุไลมาน ตั้งใจจะมาเก็บภาพเพิ่มเติมภายในบริเวณสุสานแห่งนี้ เมื่อหทำการกล่าวเยี่ยมเยียนกุโบร เเละถ่ายภาพเพิ่มเติมที่แท่นกุโบร์ของสุลต่านเสร็จแล้ว ได้เดินสำรวจรอบ ๆต้องตกใจเมื่อพบว่าป้ายหลุมศพหินตะกอนสีแดงหลักหนึ่งขนาด 50×40 เซนติเมตร ที่มีจารึกสำคัญเป็นข้อความสรรเสริญนบีมูฮำหมัด ได้ถูกทุบทำลายแตกเป็นเสี่ยง ๆ ข้อความในจารึกเหล่านี้ได้แตกละเอียด กระจัดกระจายหายไป ด้วยบางส่วน
หลักสุสานแผ่นนี้ ถูกสลักด้วยลายมือประณีต และเป็นตาหนาที่ปรากฏจารึกข้อความยาวที่สุดในบรรดาหินหลุมศพยุคโบราณในกุโบร์สุลต่านสุลัยมานแห่งนี้
ด้วยองค์ประกอบและลักษณะน่าเชื่อว่าเป็นของบุคคลสำคัญมาก และอาจมีอายุเก่าแก่ย้อนไปถึงเมืองสงขลาสมัยสุลต่านที่หัวเขาแดง จารึกที่ถูกทำลายไปนี้จึงเสมือนเป็นหน้าบันทึกประวัติศาสตร์เมืองสงขลาที่ถูกทำลายลงไป และตนกับรุ่นพี่ได้เข้าไปลองจัดเรียงรวบรวมหินมาต่อกัน ปรากฎว่าข้อความได้หายไปบางส่วนคงเหลือไว้แต่เพียงภาพถ่ายเท่านั้น
และที่บริเวณใกล้เคียง และแท่นหินอ่อนที่สันนิษญฐานว่าเป็นภรรยาสุลต่านสุไลมาน ก็แตกและ มีสุสานอีกหลายชิ้นทั้งที่ทำจากหินตะกอนสีแดง และหล่อด้วยซีเมนต์ ในบริเวณรอบ ๆ นั้นก็ถูกทุบทำลายด้วยเช่นกัน
จึงได้แจ้งไปยัง นายปัญญา พูลศิลป์ นักวิจัยท้องถิ่น นายกฤษ พิทักษ์คุมพล หลานของท่านอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี และคุณธีรนาฎ มีนุ่น ภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา และขอเผยแพร่ภาพจารึกที่ถูกทุบทำลายลงได้รับทราบ เมื่อข่าวได้แพร่ออกไปสร้างความเสียใจกับลูกหลาน ญาติตระกูลเป็นจำนวนมาก ซึ่งสุลต่านนั้นเป็นต้นตระกูลใหญ่ สำคัญๆ หลายตระกูลที่เป็นทั้งพุทธและมุสลิมอีกด้วย
ด้านทางเจ้าหน้าที่กรมศิลป์คนหนึ่งเข้ามาในพื้นที่ พร้อมกับให้ข้อมูลว่าเหตุมีชาวบ้านแจ้งว่าเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ไม่ได้มาตรวจสอบ เเละเพิ่มเติมว่าเมื่อประมาณสามเดือนก่อน มีวัยรุ่นสติไม่ดี ได้เข้ามาเผาพรมในศาลากูโบร์ของท่านสุลต่านสุไลมานครั้งหนึ่งแล้ว จึงคิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกัน และแจ้งรายงานไปถึงผอ.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลาได้รับทราบแล้ว จะลงพื้นที่ตรวจสอบสุสานสุลต่าน สุไลมาน แห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามมีผู้ตั้งข้อสังเกตุว่า คงต้องติดตามสืบหาความจริงกันให้ได้ว่ามีผู้สติไม่ดี ทุบทำลายหรือทีผู้ที่ทำลายเพื่อจะขโมยวัตถุโบราณไปขายกันแน่
ทีมข่าว@ชายแดนใต้ เครดิตภาพ สามารถ สาเร็ม