แจ้งความตำรวจยะลาปฏิบัติการเถื่อน’ยัดยา-ซ้อมทรมาน-ช็อตไฟ’เรียก 3 แสน

ร้องกมธ.ตำรวจ ตำรวจปราบยาเสพติดยะลา ปฏิบัติการสุดโหดจับยุดคดียาเสพติด เตะต่อยซ้อมทรมานจนซี่โครงหัก เจาะไข่ ซ็อตไฟฟ้า อย่างสุดเถื่อน แจ้งความกราวรูด 18 คน แต่คดีไม่คืบต้องร้องคณะกรรมาธิการ-จเรตำรวจ ก็ยังไม่คืบหน้า

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2563 นางกูยะรอ ขะเดถาวี อายุ 58 ปี มารดานายอัซซานุสซี สามะ อายุ 34 ปี ชาวตำบลเปาะเส็ง อ.เมือง จ.ยะลา ได้เข้าแจ้งความกับร.ต.อ.จักรพงศ์ เพชรกาศ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองยะลาว่า บุตรชาย ถูกกลุ่มที่เชื่อว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทราบหน่วย เชื่อว่า น่าจะถูกจับกุมยาเสพติด และไม่สามารถติดต่อได้ โดยร.ต.อ.มนตรี จันทร์เมือง พนักงานสอบสวน ได้รับแจ้งความไว้ ต่อมา นายอัซซานุสซี ได้เข้าพบ ร.ต.อ.หญิง วิยะดา นิ่มน้อย พนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคนร้ายที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายและดูหมิ่นศาสนาที่นับถือ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด จากนั้นนายอัซซานุสซี ได้เดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อขอใบรับรองแพทย์ และเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.จักรพงศ์ เพื่อให้การและขอลงบันทึกประจำวันร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคนร้ายจนคดีจะถึงที่สุด จึงได้สอบปากคำไว้เบื้องต้นแล้ว เหตุเกิดบริเวณเซฟเฮาส์ตั้งอยู่ภายในตลาดเมืองใหม่ สะเตง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม เวลา 20.00 น.

โดยเจ้าหน้าที่ๆถูกแจ้งความร้องทุกข์ ประกอบด้วย
1.พ.ต.ท.พลบูลย์ สุวรรณ์บูลย์ หัวหน้าชุด
2.ร.ต.อ.วินัย แซ่จิว รอง สว.สส.ภ.จ.ยะลา
3.ร.ต.อ.สัมพันธ์ จันทองสุก รอง สว.สส.ภ.จ.ยะลา
4.ร.ต.ท.วราวิช เหรั่มพกุล รอง สว.สส.ภ.จ.ยะลา
5.ด.ต.ประทีป จำนง
6.ด.ต.ภิญโญ คงถาวร
7.ด.ต.บัญญรัตน์ เกื้อไขย
8.ด.ต.อัษดร โหระสุวรรณ์
9.ด.ต.กฤษณะ เม่าทอง
10.ด.ต.รัฐฐิกร ทองวิเชียร
11.ส.ต.อ.คณิน ลิ่มพิทักษ์
12.ส.ต.อ.สัมพันธ์ บุญแก้ว
13.ส.ต.อ.วรรณกร ศิริสุวรรณ
14.ส.ต.ท.เอนก สายทองกุล
15.ส.ต.ท.ไตรรัตน์ ศิริมงคล
16.ส.ต.อ.พัทธพล พูนปาน
17.ส.ต.ท.กฤษฎา แสงสว่าง
18.ส.ต.ท.ภูรินทร์ ธนภิรมณ์

ต่อมาเมื่อเห็นว่า คดีไม่มีความคืบหน้า นายอัซซานุสซี จึงได้เข้าร้องเรียนหับคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการความมั่นคง สภาผู้แทนราษฎร และจเรตำรวจ เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณา

นายอัซซานุสซี ระบุว่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม เวลาประมาณ 16.00 น.ได้เดินทางไปบ้านเพื่อน ที่อ.เมืองยะลา ระหว่างรอเพื่อน มีคนร้ายจำนวนหนึ่ง เข้ามาจับกุม และให้จับถึงที่ระบุว่า เป็นถุงยาเสพติด และถ่ายรูปจากนั้น ได้นำไปที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง บังคับให้บอกที่มาของรถยนต์ที่ขับ ซึ่งได้บอกว่า เป็นรถที่ซื้อมาจากเพื่อนอยู่ระหว่างทดลองขับ แต่ได้จ่ายเงินมัดจำไปแล้ว 200,000 กว่าบาท และขู่ให้บอกที่ซ่อนยาเสพติด และบอกที่อยู่ของเพื่อน เมื่อบอกว่าไม่รู้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ก็ถูกทำร้าย เตะต่อย ถูกช็อตไฟฟ้าที่ลำคอ รวมทั้ง เจาะอวัยวะเพศ

‘ถีบผมที่หน้าอกจนกระเด็นล้มลงกับพื้น ยกร่างของผมขึ้นมายื่นตรง ตีเข่า ศอกเข้าทีหัว ต่อยทีหน้าท้อง จนจุกหายใจไม่ออกให้ผมนั่ง คุกเข่าเอามือยกขึ้นเหนือหัวคนร้ายก็เตะถีบบริเวณซี่โครงทั้งข้างหน้าและข้างหลังจนจุกหายใจไม่ออกอีกรอบ’ นายอัซซานุสซี ระบุ ในคำให้การ
 

นายอัซซานุสซี พร้อมระบุว่า กลุ่มคนที่ทำร้ายได้พูดว่า พวกอิสลามพวกหนักแผ่นดินไม่น่าจะอยู่บนพื้นแผ่นดินเขาให้แผ่นดินที่อยู่ พวกมึงก็ดีแค่ไหน แล้วถ้าแน่จริงมาเจอกับกูพวกมึงจะใหญ่ขนาดไหนจะต้องเจอกับกู บอกกำนันพวกมึงด้วยเดี๋ยวได้เจอดีแน่ เดี่ยวได้โดนเหมือนมึงได้เข้าคุกโดนออกจากตำแหน่งกำนันแน่

จากนั้นเมื่อภรรยาโทรมาหลายครั้ง ให้บอกว่าทำงาน แต่ภรรยาไม่เชื่อโทรมาอีกหลายครั้ง จึงไปรับภรรยากับลูกมาจากบ้าน และให้อยู่อีกห้องหนึ่ง และทรมานตนต่อ ใช้สว่านเจาะอวัยวะเพศบังคับให้บอกที่ซ่อนยาเสพติด และให้ตนนำลูกไปบ้านพ่อแม่ พ่อแม่มาที่เซฟเฮาส์ จึงไปแจ้งความ

จนดึกจึงให้นอนพัก ตอนเช้าจึงให้ผู้หญิงคนหนึ่ง มาพุดคุยให้นำเงิน 350,000 บาทมาเพื่อจะได้เป็นอิสระ จนอีกวันหนึ่ง ได้ให้ตนไปนำเงินจำนวน 350,000 บาทมา แต่ได้กักตัวภรรยาไว้ ตนได้ไปหาพ่อแม่ เพื่อหาเงิน และไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย และหมอบอกว่า ซี่โครงหัก ให้พักที่โรงพยาบาล แต่พยาบาลบอกให้ไปนำใบแจ้งความมาก่อน แม้จะบอกว่า มีอาการเจ็บก็ไม่รับฟัง บอกให้ไปเอาใบแจ้งความ ระหว่างไปแจ้งความ กำนันได้โทรศัพท์มา และนำเข้าพบผู้บังคับการเฉพาะกิจทหาร ที่ค่ายทหาร และได้เรียกผู้กำกับมารับฟังข้อเท็จจริง ซึ่งผู้กำกับรับปากจะไปจัดการลูกน้องให้

พอกลับมาที่โรงพยาบาล พยาบาลบอกว่า ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลแล้ว อาการไม่หนัก แม้จะขอให้นอนดูอาการก็ตาม เพราะมีอาการเจ็บก็ไม่ยอม เมื่อกลับมาบ้านมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ไปหาหมออีกครั้ง

ต่อมาเมื่อเห็นว่าการดำเนินคดีไม่มีความคืบหน้า จึงได้เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการตำรวจ คณะกรรมาธิการความมั่นคง และจเรตำรวจ

ต่อไปนี้ เป็นคำให้การโดยละเอียดของนายอัซซานุสซี

วันที่ 6สิงหาคม2563 เวลา 16.00 น. ผมกำลังเดินทางจะไปตัดผมร้านสามแยกบ้านเนียงซึ่งเป็นร้านที่ผมตัดประจำอยู่แล้ว.พอไปถึงร้านมีลูกค้ารอตัดผมอยู่หลายคนมีคนรอคิวยาวอีกผมก็เลยขับรถออกจากร้าน
จะลองแวะไปหาเพื่อนที่เคยตัดให้ จะไปขอช่วยให้เพื่อนตัดผมหน่อยเลยไปจอดรถหน้าบ้านเพื่อนซึ่งติดถนนใหญ่สาย(ยะลา-ยะหา)เพื่อนที่ผมจะขอให้ช่วยตัดผมให้ ผมก็ขับรถไปจอดหน้าบ้านเพื่อนผมก็จอดรถ เดินลงไปทางด้านข้างบ้านของเพื่อนระหว่างขับรถผมก็โทรหาเพื่อนอยู่คอยเพื่อนอยู่ ซึ่งเพื่อนไม่อยู่โทรหา ไม่รับสายประมาณ 15 นาทีผมก็เดินกลับไปที่รถเพื่อจะไปที่ร้านตัดผมอีกรอบสักพักก็มีรถเก๋ง Honda civic ไม่มีป้ายทะเบียนมาจอดข้างหลังรถของผมมีคนร้ายเดินลงมาจากรถ2คน
(คนร้าย) ว่าใครเจ้าของรถ?
(ซี)ผมก็บอกว่าผมเป็นเจ้าของรถ
(คนร้าย) เจ้าของรถอยู่ไหน ซื้อมานานยัง?
(ซี) ผมเพิ่งซื้อรถมาวันที่30 ก.ค.2563 อยู่ในช่วงทดลองขับวางเงินมัดจำ 220,000บาท
จังหวะนั้นคนร้ายไดคุยโทรศัพท์ จากนั้นคนร้ายให้ผมหันหลังเดินเข้า
ไปทางข้างหลังบ้านของเพื่อน
(คนร้าย) เพื่อนมึงไปไหน?
(ซี) ผมก็ไม่รู้ครับผมก็คอยเพื่อนอยู่ผมโทรหาหลายสายเพื่อนไม่รับสายผมก็รออยู่ข้างๆบ้านของเพื่อน
ผมก็เข้ามาพร้อมพวกคุณนี่แหละ
(คนร้าย)ไหนของอยู่ไหนมึงเก็บไว้ไหน?
(ซี) ของอะไรครับผมไม่รู้เรื่อง
สักพัก คนร้ายแอบหยิบถุงขึ้นมาซึ่งอยู่ตรงท่อนไม้ข้างหน้าคนร้าย*
(คนร้าย)ถุงนี้ของใคร ?
(ซี) ไม่ใช่ของผมนะครับ
คนรายได้ถีบผมให้ไปจับถุงยาซึ่งเป็นเม็ดสีแดงหลายเม็ดอยู่ข้างใน
(คนร้าย) “จะจับไม่จับ”
*คนร้ายจับปืนจี้มาที่ผม ผมก็เลยจับถุงยาด้วยความกลัวคนร้ายก็หยิบโทรศัพท์ถ่ายรูปผมจับถุงยาคนร้ายใส่
กุญแจมือผมไว้คนร้ายให้ผมเดินกลับไปที่มีรถยนต์ 2 คันจอดข้างหน้ารถของผมสักพักมีรถกระบะตามมาอีก 1 คันพร้อมคนร้ายประมาณ10กว่าคน หลังจากน้ันคนร้ายให้ผมนั่งในรถยนตข์องผมโดยมีคนร้ายขับรถนั่ง ข้างคนขับ1คนอีก2คนนั่งข้างประกบผมซ้ายขวาตลอดระหว่างทางคนร้ายเอาหมวกแก็ปปิดบังสายตาของผม
เวลาประมาณ17.00 น. ถึงปลายทางคนร้ายเอาหมวกแกปออก
(คนร้าย”)มึงรู้จักที่ตรงนี้ไหม ที่ตรงนี้เป็นบ้านของปีศาจเดี๋ยวจะได้ลิ้มรสชาติ
ผมเดินลงจากรถคนร้ายให้ผมเดินเข้าไปที่ในบ้านเป็นอาคารตึก4ชั้น มีกลุ่มคนร้ายประมาณไม่ต่ำกว่า12 คน เดินเข้าเดินออกในอาคารน้ันหลังจากนั้นคนร้ายให้ผมนั่งบนเก้าอี้ สักพักได้เอาถุงขยะพลาสติกสีดำคลุมหัวของผม ขาดอากาศหายใจและบีบจมูกจังหวะนั้นผมไม่รู้ไม่เห็นใบหน้าของใครทีกระทำผม ผมก็ยกมือขึ้นพนมไหวร้องขอชีวิต หลังจากน้ันคนร้ายเอาถุงดำออก

(คนร้าย) ของที่เหลือมึงเก็บไว้ไหน
( ซี) ของอะไรทีผมไม่มีของ
(คนร้าย) เจ้าของรถอยูไหน
(คนร้าย) มึงต้องโดนแบบนี้ถึงจะหลุดปากออกมา
*คนร้ายเตะผมเข้าที่หน้าอกกระเด็นล้มลงกับพื้น ยกร่างของผมขึ้นมายื่นตรง ตีเข่า ศอกเข้าทีหัว ต่อยทีหน้าท้อง จนจุกหายใจไม่ออกให้ผมนั่ง คุกเข่าเอามือยกขึ้นเหนือหัวคนร้ายก็เตะถีบบริเวณซี่โครงทั้งข้างหน้าและข้างหลังจนจุกหายใจไม่ออกอีกรอบ
(ซี) ผมไม่รู้จริงๆๆเรื่องอะไรครับ

คนร้ายหัวเราะจังหวะนั้นกลุ่มคนร้ายมีเรียกชื่อกันเอง จำได้ว่าคนชื่อเบนซ์ หลังจากน้ันคนร้ายทีชื่อเบนซ์ เอาสายไฟให้ผมจับแล้วอีกด้านคนร้ายเอาไปเสียบที่ปลั๊กเสียบไฟช็อตไฟผมก็กระเด็นล้มท่าหงายหลัง
ลงที่พื้น หลังจากนั้นคนร้ายก็จับ ที่หัวผมลากมาที่ปลั๊กไฟ คนร้ายก็ถือสายไฟมาที่ผมโดยมือข้างหนึ่งถือสายไฟ มืออีกข้างหนึ่งบีบแก้มให้ผมอ้าปาก
 

คนร้ายเอาสายไฟเข้าปากแล้วยัดสายไฟลงถึงบริเวณลำคอ คนร้ายเอาสายไฟอีกข้างหนึ่งไปเสียบที่รูเสียบปลั๊กไฟจนผมช็อตไฟสั่นทั้งตัวจนกระเด็นล้มลงบนพื้นและจนฟันปลอมผมหลุดออกมา คนร้ายก็หัวเราะ (คนร้าย) ขยะแขย่งวะรีบเอาฟันมึงเข้าปากเร็วๆ คนร้ายก็ลากหัวผมอีกเพื่อจะให้อมสายไฟจะทำเป็นคร้ังที่สาม สายไฟก็เกิดไม่ติดไฟ เลยทำให้ผมรอดจากการช็อตไฟอีกคร้ัง

จากนั้นคนร้ายให้ผมนั่งคุกเขาลงกับพื้น คนร้ายเอาเท้ามาเขี่ยที่ใบหน้า ของผมคนร้ายเอาหัวแม่เท้าเขี่ยที่หูพร้อมกับเขี่ยที่ปาก คนร้ายได้จับตัวผมนอนหงายคนร้ายได้เหยียบบริเวณหน้าอก
(คนร้าย) พวกอิสลามพวกหนักแผ่นดินไม่น่าจะอยู่บนพื้นแผ่นดินเขาให้แผ่นดินที่อยู่ พวกมึงก็ดีแค่ไหน แล้วถ้าแน่จริงมาเจอกับกูพวกมึงจะใหญ่ขนาดไหนจะต้องเจอกับกู บอกกำนันพวกมึงด้วยเดี๋ยวได้เจอดีแน่ เดี่ยวได้โดนเหมือนมึงได้เข้าคุกโดนออกจากตำแหน่งกำนันแน่

(คนร้าย) จะเอายังไงมึงจะบอกหรือไม่บอกว่ายาที่มึงไปเอามามึงเก็บไว้ไหน
(ซี) ไปเอาที่ไหนอะไรครับผมไม่เข้าใจที่พี่กำลังกล่าวหาผมไปรับยามาจากไหน
(คนร้าย) มึงกับเมีย มึงกลับนั่งรถไปมาประจำ บ้านมุนี ตำบลจะแหน อ.สะบ้าย้อยจ.สงขลา มึงไปเอามาประจำ

คนร้ายเอาเท้าเตะที่บริเวณซี่โครงหลังจนผมจุกหายใจไม่ออก
(ซี) พีครับ หมู่บ้านนั้น เป็นบ้านเกิดของแม่ผม บ้านพี่สาวของผมก็อยู่ตรงนั้นแล้วไม่ให้ผมไป มาได้อย่างไรครับพี่
(คนร้าย) กับเจ้าของรถมึงก็ติดต่อประจำนี่
(ซี) ผมก็ลูกพี่ลูกน้องกันครับก็ทักไปมาปกติครับ

เวลาประมาณ 20.00 เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น สายเข้าจากเมียโทรตามเพราะเกินเวลาผิดปกติแล้ว สองทุ่มผมยังไม่กลับบ้านเพราะผมบอกกับเมียว่าจะออกไปตัดผมมันเกินเวลาผิดปกติแล้ว*
(คนร้าย) เมียมึงโทรตามเป็นสิบๆสายกูรำคาญว่ะ
(ซี) ถ้าไม่รับสายเมียผมเขาก็จะโทรตลอดจนกว่าผมจะรับสาย
(คนร้าย) เอ่อๆๆมึงมาคุยกับเมียมึงมา
(*คนร้ายได้บังคับให้ผมพูดว่า)
(ซี) ทำงานอยู่ไม่ว่าง
หลังจากน้ันคนร้ายก็กดวางสาย เมียผมก็โทรเขามาอีกแล้วคนร้ายก็กดสายทิ้งไม่รับสาย เสียงโทรศัพท์จากเมียผมก็โทรเขามาไม่หยุดเพราะผมรู้นิสัยเมียผมดีผมพูดกับคนร้ายว่า*
(ซี) พี่คับพีลองคิดดูนะครับว่า ทำงานอะไรป่านนี้เวลานี้ พี่ ไม่ให้เมียผมแปลกใจได้ไงคับถ้าเป็นเมียพี
แฟนพีหละเมียถึงเป็นห่วงจึงโทรไม่หยุด.
(คนร้าย) เอ่อมึงมารับสายเมีย
คนร้ายบังคับให้ผมพูดว่า
(ซี) มีงานด่วน หัวหน้าเรียกงานด่วนๆๆ”
คนร้ายก็ว่างสายโทรศัพท์ ไม่เกิน5 นาทีเมียผมก็โทรเขามาอีกเป็นสิบๆสาย.
(คนร้าย) เมียมึงอยูไหนนิไปรับเมียมึงมาด้วยมากูรำคาญวะโทรมาไม่หยุดไปๆรับเมียมึง
(คนร้าย) ”เมียมึงนิปากหมานะ พูดไม่รู้เรื่อง
เวลาประมาณ 20.30 คนร้ายจับ ตัวผมให้ผมนั่งรถไปที่บ้านนที่ผมอยูกับภรรยากับลูก ประมาณ20นาทีถึงหน้าบ้าน คนร้ายเข้าบ้าน โดยไม่ถอดร้องเท้าเกือบทั้งหมดประมาณไม่ต่ำกว่า10 คน*
(คนร้าย) ซีอยู่ไหม?
(ภรรยา) คุณเป็นใครมาถามหาสามีของฉัน?
(คนร้าย) กูถามว่าไอ้ซีอยู่ไหม น้องเป็นเมียของไอ้ซีใช่ไหม?
(ภรรยา) ใช่แล้วพวกคุณเป็นใคร?
(คนร้าย) เอาไอ้ซีเข้ามาในบ้าน
คนร้ายบอกกับพรรคพวกที่มาด้วยให้เอาซีเข้ามาในบ้าน
(ภรรยา) จับสามีของฉันข้อหาอะไร?
(คนร้าย) พวกผมจับใอ้ซีข้อหาค้ายาเสพติดน้องรู้ไหมว่าสามีน้องค้ายา
(ภรรยา) ไม่จริงสามีของฉันไม่ได้ค้ายาเสพติด สามีของชั้นทำงานอยู่กรมป่าไม้
หลังจากนั้น พวกคนร้ายก็ขอค้นบ้าน
(ภรรยา)ฉันถามมีหมายค้นไหม?
(คนร้าย) ผมเป็นสารวัตรชุดสืบจังหวัดผมเป็น ปปส. ผมมีสิทธิ์ค้นผมไปได้ทั่วประเทศ.
จากนั้น พวกคนร้ายก็ค้นบ้าน ประมาณ30 นาทีค้นทุกซอกทุกมุมภายในบ้าน*
(คนร้าย) เดียวผมต้องเชิญน้องไปด้วยนะ
(ภรรยา) ไปไหนค่ะ ชันมีลูกแล้วลูกจะอยู่กับใคร?
(คนร้าย) ไม่มีใครดูแลหรอ?
(ภรรยา) ไม่มีค่ะเพระลูกอยู่กับฉันตลอด
(คนร้าย) ให้ใครมารับได้ไหม?
(ภรรยา) แล้วพวกคุณจะพาฉันไปไหน โรงพักหรอค่ะ?
(คนร้าย) ไม่ต้องพูดมากเดียวกูตบหน้าไอสัส ให้ใครก็ได้มารับลูกแทน
(คนร้ายอีกคน) ผมจะพาน้องไปเเปปเดียว
(ภรรยา) ไม่มีใครมารับค่ะ
ชันเลยโทร.น้องชายของสามีให้มารับลูกแต่โทรไม่ติด
(คนร้าย) เอาไอซีขึ้นรถกลับ เซฟเฮาส์ก่อนเดียวให้เมีย ไอ้ซีนรถอีกคัน
(ภรรยา) ทำไมไม่ให้ขึ้นรถด้วยกัน?
(คนร้าย) ไม่ต้อง
*จากนั้นคนร้ายก็พาสามีออกไป และชันกับลูกก็ขึ้นรถอีกคัน เป็นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิคสีเทาไม่ติดป้าย ทะเบียนพร้อมคนร้าย4คนนั่งอยู่ในรถด้วย จากนั้นถึงเซฟเฮาส์ของคนร้าย เชฟเฮ้าส์จะอยู่แถวตลาดใหม่ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ชันกับลูกถึงเซฟเฮาส์ก็เห็นสามีนั่งอยู่ที่พื้นมีคนร้ายนั่งล้อมสามีคนร้ายประมาณไม่ต่ำกว่า 20 คน*
(ภรรยา) ทำไม พามาที่นี่มีแต่ควันบุหรี่ทั้งนั้น
(คนร้าย) งั้นก็พาเด็กๆไปอยู่ชั้น 2
(ภรรยา) ชั้นจะขึ้นไปอยู่กับลูกด้วย
(คนร้าย) ไม่ต้อง น้องต้องไปอยู่อีกห้องหนึ่ง
(ภรรยา) ทำไม ชันอยู่กับลูกไม่ได้นี่คือลูกๆของฉัน
(คนร้าย) ไม่ได้น้องต้องลงไปอยู่ข้างล่าง เด็กๆอยู่ข้างบนน้ันแหละ เดี๋ยวให้เด็กๆเล่นเกมอยู่ข้างบน
*จากน้นัคนร้ายก็ได้สั่งให้พวกรับใช้เฝ้าเด็กๆใว้ไม่ให้ลงไปเจอภรรยาข้างล่าง

ชันโดนขังใว้หลังบ้าน ซึ่งเป็นห้องครัวมีพวกรับใช้เฝ้าไม่ให้ออกไปเจอกับสามีสักพักก็ได้ยินเสียงสามีร้องดังด้วยความเจ็บปวดและเสียงตะโกนดังมากประมาณว่าให้สามียอมรับบอกความจริงว่าเจ้าของรถอยู่อยู่ที่ไหน จังหวะนั้น ชันพยายามจะวิ่งเปิดประตูเพื่อจะออกมาดูว่าสามีเป็นอะไร พวกคนร้ายก็วิ่งมาจับตัวไว้ไม่ให้ออกไป*
(ภรรยา) ทำไมไม่พูดกันดีๆ ทำไมต้องทำร้ายร่างกายด้วยพูดจาดีๆกันก็ได้นิ
(คนร้าย) ก็มันยังไม่พูดความจริงก็ต้องโดนแบบนี้แหละเฝ้ามันใว้อย่าให้ออก
*ฉันได้ยินเสียงสามีร้องด้วยความเจ็บ ชันก็ร้องให้ตามเพราะสงสารสามีฉันได้ยินแต่เสียงแต่ไม่รู้ว่าพวก
คนร้ายทำอะไรสามีฉันบ้าง ?
(ฝั่งสามี)คนร้ายได้เอาเครื่องสว่านเจาะที่อวัยวะเพศของผมจนมีแผลเลือดออกร้องส่งเสียงดัง ผมก็คุกเข่าร้องขอชีวิต เสียงดังลั่นห้อง
(คนร้าย) ถ้ามึงจะมีอิสระ มึงเอาโทรศัพท์โทรหาเพื่อนเพื่อติดต่อใครก็ได้ขอซื้อยา
* ทำอยู่แบบนี้ประมาณ 3 เลขหมายปลายทาง ซึ่งคนร้ายได้บ้งคับให้ผมโทรหาขอซื้อยาแล้วผมไม่ทำ ตาม
คนร้ายก็ตบหัวตบหน้าผมเตะตีต่อยตามอารมณ์ของพวกเขาคนร้ายได้ให้ผมกินยาอะไรก็ไม่ทราบคนร้าย บอกว่า ยาแก้ปวดเม็ดแดง
(ฝั่งภรรยา)*จากนั้น เวลาประมาณ 23.00 น. คนร้ายก็ให้สามีกลับบ้านเพื่อไปส่งลูกที่บ้าน แต่ตัวชันพวก คนร้ายไม่ให้ออกมาเจอกับลูกๆเพราะกลัวว่าลูกๆจะไม่ยอมกลับไปด้วยเพราะลูกๆติดชันมาก สามีกลับไปบ้านพร้อมพวกคนร้าย4คนกลับไปส่งลูกที่บ้าน พวกคนร้าย กำชับบอกกับลูกว่าอย่าบอกใคร
พอกลับถึงบ้านผมก็ลงจากรถพร้อมลูกผมก็ส่งเสียงดังเรียกชื่อพ่อชื่อแม่
(ซี) พ่อครับ แม่ครับ เปิดประตูหน่อย
(แม่) ได้ยินแล้วกำลังจะเปิ ดประตูมีอะไรตกใจหมด เวลาป่านนี้
“แม่ก็เปิดประตูคนร้ายก็ลากตัวผมขึ้นรถไม่ได้อำลาลูก สักพักถึงเซฟเฮ้าส์พวกคนร้ายก็ปล่อยให้ผมกับภรรยาออกมาเจอกันแต่ไม่ให้คุยกัน สักพักเสียงโทรโทรศัพท์ดังขึ้น สายเรียกเข้าจากพ่อของผม
(คนร้าย) พ่อมึงโทรมานิอะไรกันหนักหนาวะจะโทรมาอีกทำไหมวะ หรือจะไปรับตัวพ่อมึงมาอีกคน
คนร้ายก็กดวางสายทิ้ง สักพักพ่อโทรเขามาอีก
(คนร้ายก็บังคับให้ผมพูดว่า)
(ซี) ว่าทำงานอยู่
( พ่อ) ทำงานอะไรป่านนี้งานที่ลูกทำไม่ใช้เวลาทำงาน”
(ซี) ถามลูกๆๆรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เวลาประมาณตี01.00 พ่อกับแมพร้อมลูกของผมก็มาที่เซฟเฮ้าส์จะมาเจอกับผมแต่คนร้ายไม่ให้เจอคนร้าย บอกว่า ผมนอนแล้วหลังจากที่พ่อกับแม่ออกจากเซฟเฮ้าส์ก็ไปแจ้งความที่โรงพักยะลา

ลักษณะภายในเซฟเฮ้าส์ข้างล่างแบ่งเป็นห้องโถงมีโต๊ะเก้าอี้โต๊ะคอม เอาตู้มากัน มีเตียงนอน ชันกับสามีก็นั่งอยู่บนเตียงนอน*
(คนร้าย) เอาเมียไอซีออกมาซิแต่ห้ามคุยกัน ห้ามส่งเสียงดังนั่งอยู่เฉยๆ พวกมึงสองคนนอนตรงนั้นแหละ
เดียวพวกกูจะได้เรียกได้ง่าย
(ภรรยา) พวกคุณทำอะไรสามีฉันทำไม่เค้าต้องเดินจับท้องตลอด
(คนร้าย) ไม่ได้ทำอะไรไอซีมันปวดท้อง
(ภรรยา) ฉันรู้จักสามีฉันดี
(คนร้าย) ไม่ต้องพูดมากไปนอนไป

นาฬิกาเวลาตี2พวกคนร้ายก็มาปลุกให้ซีตื่น*
(คนร้าย) เจ้าของรถที่มึงขับมันอยู่ไหน?
(สามี) ผมไม่รู้จริงๆ
(คนร้าย) ถ้างั้น มึงไปนอนต่อวันนี้ มึงโดนมาเยอะแล้ว
*โดนซ้อมจนระบม*สังเกตอาการซีนอนจับท้องตลอดและสามีบ่นเจ็บหน้าอกตลอด

เช้าวันที่ 7 สิงหาคม ผมกับภรรยาก็ยังอยู่อยู่ในเซฟเฮาส์ นั่้งต่างมองหน้ากัน
เวลา 09.00 ช่วงเช้าคนร้ายให้ผู้หญิงมาคุยกับเมียเป็นการส่วนตัว ผู้หญิงคนนี้ต้องมานั่งรับใช้ให้พวกคนร้าย เพื่อแลกกับความอิสระของตนเอง ซึ่งถูกจับกุมเรื่องปล่อยเงินกู้นอกระบบ คนร้ายได้วานให้ผู้ หญิงคนนี้เสนอเงินสามแสนห้าหมื่นบาทเพื่อแลกกับการปล่อยเพื่อความเป็นอิสระทีเราโดนจับกุมมา*
(ภรรยา) ทำไมเราสองคนต้องให้ด้วยไม่เข้าใจ
จากนั้น เวลาประมาณบ่ายโมงพี่สาว หลาน และแม่ก็มาเยื่ยมซื้อข้าวซื้อน้ำ มาให้ผมกับภรรยา พวกคนร้ายก็ให้ญาติคุยกัน สักพักคนร้ายก็ให้ญาติๆกลับบ้าน*
(คนร้าย) ก่อนจะกลับบ้านผมฝากบอกกำนันด้วยไม่ต้องหนีคดีจะใหญ่จะโตอยูที่ผม เดี่ยวกำนันจะหนาว
เวลา6โมงเย็นคนร้ายก็ถามภรรยาผม*
(คนร้าย) น้องทำงานอะไร
(ภรรยา) ฉันเคยทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลฉันเป็นผู้ช่วยพยาบาลแต่ตอนนี้ออกแล้วออกมาเลี้ยงลูกออกมาได้ 1 ปี แล้ว
(คนร้าย) นึกว่าทำงานถ้าทำงานจะได้ปล่อยตัวออก
(ภรรยา) ไหนพวกคุณบอกว่าจะให้มาแค่แปปเดียวไงค่ะแล้วจะปล่อยตวัออกแต่นี้ก็ค่อนวันแล้วไมไม่
ปล่อยออกค่ะ
(คนร้าย) เดียวยังไม่เสร็จเรื่อง เสร็จเรื่องเดียวพวกผมก็ปล่อยออก
(ภรรยา) จะถามอะไรฉัน?
(คนร้าย) รู้จักกับสามีนานยัง?
(ภรรยา) นานแล้วค่ะรู้จักกัน ตั้แต่่ปี 47 แล้วค่ะ
(คนร้าย) อืมนานแล้วน่ะแล้วรู้ไหมว่าสามีทำงานอะไร?
(ภรรยา) สามีก็ทำงานกรมป่ าไม้
(คนร้าย) ทำงานกี่ปี แล้วป่าไม้
(ภรรยา) 3เดือน
(คนร้าย) แล้วน้องทำงานโรงบาลนานยัง?
(ภรรยา) ชันทำงานมา10ปี แล้วถามทำไมค่ะ
(คนร้าย) เห็นมีเงินเยอะ
(ภรรยา) ก็ทำงานมานานแล้วเงินเดือนไม่ใช่น้อยก็มีเงินเก็บบ้าง มีบ้านเช่าบ้าง มีสวนยางบ้าง

*เวลา 23.00 นงของวันที่7 ส.ค. คนร้ายให้ผมออกไปหาเงิน 350,000 ให้เวลาผมออกไปข้างนอกภายใน หนึ่ง ชั่วโมงซ่ึ่งให้ผมออกคนเดียวภรรยาเป็นตัวประกันไว้คนร้ายได้ให้กุญแจรถพร้อมโทรศัพท์มือถือให้ผม*
*เวลา 23.10 น.ผมก็ได้ขับรถออกไปจากเซฟเฮาส์กลับไปทีบ้านพ่อ-แม่เพื่อขอความช่วยเหลือหาเงิน
350,000 บาท เพราะคนร้ายต้องการเงินแลกกับความอิสระเพราะพวกคนร้ายจับตัวภรรยาเป็นตัวประกันไว้*
(แม่) ไปหาน้าชายที่เป็นกำนันรออยู่ที่ยะลา
ผมก็ได้ขับรถไปหากำนันได้อยู่พร้อมกับพี่ทหาร ซึ่งตลอดระหว่างทางที่ผมขับรถจะมีรถขับตามหลังตลอดเส้นทางระหว่างที่ผมกำลังคุยปรึกษาคนร้ายได้โทรเขามาตามตัวผมถึงเวลาแล้ว
(คนร้าย) “กูจะไม่เอาเงินมึงแล้วกูจะเรียกตัวมึงเมื่อไหร่มึงต้องมานะถ้ามึงไม่มากูจะออกหมายจับพวกมึง

เวลา 01.00 น.ของวันที่ 8 สิงหาคม 63 พวกเขาก็ปล่อยตัวพวกผมกับภรรยาออกมา
เช้าวันที่ 8 สิงหาคม 63 ผมกับภรรยาก็ไปโรงพยาบาลศูนย์ยะลาเพี่อไปตรวจร่างกาย แพทย์ตรวจร่างกาย เอกซเรย์ผล ตรวจเอกซเรย์ออกมาผมกระดูกซี่โครงหัก1ซี มีรอยฟกซ้า ตามร่างกายและให้Admit (นอนโรงพยาบาล) และโรงพยาบาลต้องการใบแจ้งความ
(พยาบาล) คุณต้องมีใบแจ้งความก่อนน่ะค่ะเพราะถูกทำร้ายร่างกายต้องมีใบแจ้งความก่อนที่จะนอนโรงบาลค่ะ
(ภรรยา) ถ้าให้คนป่วยนอนก่อนไม่ได้หรอค่ะ
(พยาบาล) ต้องมีใบแจ้งความก่อนค่ะ
(ภรรยา) แต่ตอนนี้คนป่วยเจ็บหน้าอกหายใจไม่สะดวกอยู่น่ะค่ะ ขอนอนก่อนน่ะค่ะ
สามีไม่อยากพูดมาก.เลยออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปโรงพักยะลาเข้าไปแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายกักขัง หน่วงเหนี่ยว ดูหมิ่นศาสนาแต่ทางโรงพักไม่รับแจ้งความเพิ่ม ทางร.ต.อ.หญิงวิยะดา หนุ่มน้อย พนง. สอบสวนเวรบอกว่าไม่ต้องแจ้งความเพิ่มเอาใบแจ้งความที่แม่มาแจ้งความก่อนหน้าน้ันมาใช้ร่วมกันได้
(ซี) แต่ผมมาแจ้งความเพิ่มเรื่องผมโดนทำร้ายร่างกายของแม่ผมมาแจ้งความ เรื่องผมถูกบุคคลทีเชื่อว่าเป็นำรวจถูกจับไปมันคนละเรื่องกัน
(ร.ต.อ.หญิงวิยะดา) มันเป็นเรื่องอันเดียวกันใช้อันเดียวกันได้
สักพักมีสายเข้าจากกำนัน.
(กำนัน) ซีตรวจร่างกายเสร็จแล้วมาหากำนันหน่อยกำนันจะให้ซีใปหา รองผบ.ฉก.จว.ยะลา เพื่อให้รอง
ผบ.ฉก.จว.ยะลา เรียกผู้กำกับสืบมาเจรจาเนื่องจากกรณีลูกน้องของทำเกินกว่าเหตุ
หลังจจากผมแจ้งความเสร็จ
(ซี) ไปตอนไหนกำนันเพราะหมอให้ซีให้นอนโรงพยาบาลดูอาการ
(กำนัน) ไปหารองผบ.ฉกก่อน
ผมก็ได้เดินทางไปหากำนันไปทีค่ายสิรินธร จังหวัดปัตตานีทางกำนันได้ประสานกับรองผบ.ฉก.ไว้แล้ว
(รองผบ.ฉก) เรื่องเป็นยังไง เล่าให้ผมฟังหน่อย
ผมก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผมถูกกักขังหน่วง ดูหมิ่นศาสนา ทำร้ายร่างกาย ให้ทางรองผบ.ฉก.
(รองผบ.ฉก.) มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาไดย้งไง ทุกคนเกิดมาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไทยด้วยก้น ผมสร้างความ
สันติสุขในหมู่คนไทยแล้วมาเสียกับบุคคลเพียงคนเดียวมันจะทำ ใหเกิดความแตกแยกบุคคลที่ถูกรังแกจะกลับไปเล่าให้คนอื่นฟังแล้วจะทำให้เกิดความแตกแยกเพราะดูหมิ่นศาสนา ไม่ได้แล้วต้องเรียกผู้กำกับมาคุยแล้ว
หลังจากทีทางรองผบ.ฉก..ได้ฟังก็ได้โทรเรียกผู้กำกับสืบ สักพักผู้กำกับสืบก็มาถึงที่ค่ายสิริธร
(รองผบ ฉก) ผู้การ น้องผู้ชายคนนี้มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีลูกน้องของผู้การทำร้ายร่างกาย
(ผู้กำกับสืบ) ไหนน้องเล่าเหตุว่ามันเป็นยังงัย
*ผมก็เล่าเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ผู้กำกับสืบฟังว่าที่มาที่ไปเป็นยังงัยผมถูกกังขังหน่วงเหนี่ยว ดูหมิ่นศาสนา ให้ทางผู้กำกับสืบฟังผมสังเกตสีหน้าของผู้กำกับหน้าถอดเสียเพราะลูกน้องทำเกินเหตุ
(ผู้กำกับสืบ) นเองไม่ต้องเป็นห่วงผมจะจัดการกับ เรื่องนี้ น้องไปรักษาตัวให้หายดี
(ซี) หมอให้ผมนอนพักรักษาที่โรงพยาบาลเพราะกระดูกซี่โครงหัก
(ผู้กำกับสืบ) กระดูกซีโครงหักเลยหรอ
(รองผบ ฉก) นี่ขนาดกระดูกซี่โครงหักนิแสดงว่าต้องเตะแรงแน่เลย
(ผู้กำกับสืบ) ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ผมจะจัดการให้
(รองผบ. ฉก.) ยังไงผมก็ขอฝากทางผูกำกับ จัดการเรื่องนี้ให้ด้วยว่าลูกน้องทำเกินเหตุไหม
(ซี) ผมขอตัวกลับไปที่โรงพยาบาลก่อนน่ะครับเพราะผมออกมานานแล้ว ผมแค่บอกทางพยาบาลว่าจะไป แจ้งความ
ผมก็ขอตัวกลับ พอไปถึงโรงพยาบาลทางโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่ต้องนอนแล้วแพทย์ดูผลเอกซเรย์แล้วไม่ต้องนอนก็ได้
(ภรรยา) ทำไมไม่ต้องนอนค่ะ ก่อนหน้าที่จะไปแจ้งความหมอยังบอกเลยว่า ต้องนอน แล้วอยู่ๆบอกว่าไม่
ต้องนอนแล้ว
(พยาบาล) ตอนที่คุณออกไปแจ้งความหมอโทมาบอกว่าไม่จำเป็นต้องนอนดูอาการแล้วค่ะกลับไปนอนดู
อาการที่บ้านได้ค่ะ
(ภรรยา) แต่คนใข้หายใจไม่สะดวกน่ะค่ะ
(พยาบาล) กลับไปกินยาแก้ปวดที่บ้านเดียวก็หายค่ะ
ผมกับภรรยาก็รับยากลับบ้าน พอเวลา20.00นของวันที่8/8/63 ผมก็เริ่มมีอาการเจ็หน้าอก หายใจลำบากกลืนข้าวกลืนน้ำลำบากผมก็ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลต่อ
(ซี) พยาบาลครับผมเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก
(พยาบาล) เอ้า!เมื่อตอนเช้าก็มาแล้วไช่ไหม นี้มีอาการเจ็บมากไช่ไหมค่ะ
(ซี) ครับหายใจลำบากแน่นหน้าอก
(พยาบาล) รอคุณแปปน่ะค่ะ
รอหมอผ่านไปครึ่งซ.ม
(หมอ) อาการปวดถี่ไช่ไหมค่ะเดียวหมอฉีดยาแก้ปวดที่แรงนิดหนึ่งน่ะค่ะอาการแบบนี้เดียวก็หายค่ะ
หมอก็ออกไป สักพักพยาบาลก็มาฉีดยาแก้ปวด นอนดูอาการ1ซ.ม ก็กลับบ้านได้

หลังจากที่ผมได้ไปแจ้งความได้ให้ปากคำให้กับร้อยเวรผมรู้สึกเรื่องไม่ค่อยคืบหน้า วันที่ 26 สิงหาคม 63 ผมเลยไปร้องเรียนถึง คณะกรรมาธิการตำรวจ คณะกรรมาธิการความมั่นคง จเรตำรวจเพื่อขอความเป็นกรณีที่ผมถูกทำร้ายกักขังหน่วยเหนี่ยว ดูหมิ่นศาสนา ทางกรรมธิการตำรวจได้รับเรื่องไว้

ต่อมาทางกรรมธิการตำรวจได้เชิญผมกับภรรยาเข้าให้ปากคา เพิ่มเติมว่าที่มาที่ไปเป็นยังงัย ผมกับภรรยาก็ให้ปากคำตามที่เกิดขึ้นทุกอย่าง

ที่มา mtoday

อ่านต่อ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *