เปิดภาพนาที คนร้ายตัดสินใจตามชิงทรัพย์ ก่อนข่มขืนฆ่า ด.ญ.ม.3 (คลิป)

พบภาพจากกล้องในปั๊มน้ำมัน คนร้ายใจเหี้ยมฆ่าข่มขืนชิงทรัพย์เด็ก ม.3 ที่หาดใหญ่ จอดรถเก๋งเติมน้ำมัน เจอเหยื่อขี่จยย.มาคนเดียว ขับไปรอก่อนไล่ชน ลงไปชกท้อง ลงมือข่มขืน แล้วตีด้วยเหล็กงัดยาง อ้างเมามีอารมณ์ ตร.คุมทำแผน ญาติแค้นฮือไล่กระทืบ

ความคืบหน้าคดีพบศพ น้อเฟิร์น อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ เสียชีวิตถูกรถจักรยานยนต์ล้มทับอยู่ในร่องน้ำกลางถนนสายเอเชีย เส้นทางหาดใหญ่-บางกล่ำ หมู่ 5 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งคดีนี้สุดท้ายกลายเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เพราะเป็นการข่มขืนและฆ่าชิงทรัพย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้แล้ว

เวลา 10.30 น. วันที่ 1 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายประถม เอียดขาว หรือ “บังหมัด กงหรา” อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200 หมู่ 6 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง ตามหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา ที่ จ.68/2564 ลงวันที่ 28 ก.พ.64

ทั้งนี้ บังหมัด ถูกตำรวจชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.สส.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.พงศ์พสิษฐ์ ทองด้วง ผกก.สภ.บางกล่ำ ตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่ หมู่ 6 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง เมื่อวานนี้หลังใช้เวลาสืบสวน 26 ชั่วโมง

ของกลาง 6 รายการ ประกอบด้วย รถยนต์เก๋ง โตโยต้า โคโรล่า สีเทา ทะเบียน กง 856 ประจวบคีรีขันธ์ 1 คัน ซึ่งใช้ขับขณะก่อเหตุ เงินสด จำนวน 1,300 บาท ซึ่งเป็นเงินจากกระเป๋าของผู้เสียหาย เหล็กขันเปลี่ยนล้อรถ ยาวประมาณ 10 นิ้ว  1 อัน ที่ใช้ทุบตี กางเกงขาสั้นแบบสามส่วนมีกระเป๋าด้านข้างขา สีครีม  1 ตัว กางเกงกีฬาสีน้ำเงินแถบขาวแดง 1 ตัว ซึ่งเป็นชุดสวมใส่ในวันเกิดเหตุ และเสื้อคลุมแขนยาว แบบมีฮูดคลุมศีรษะ สีแดง  1 ตัว ซึ่งเป็นเสื้อของผู้เสียหายที่สวมใส่ในคืนเกิดเหตุ

แจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหา คือ “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร และฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้”

พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 เปิดเผยว่า ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าผู้ตายเพียงคนเดียว ด้วยการขับรถเก๋งเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์จนตกคูน้ำกลางถนน แล้วลงไปชกหน้าท้อง 3 ครั้ง ก่อนลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ชิงเอากระเป๋าสะพายพร้อมเงินสด 1,300 บาท

จากนั้นได้ใช้เหล็กสำหรับใช้เปลี่ยนล้อรถที่เตรียมมา ตีที่ใบหน้า 2-3 ครั้ง จนเสียชีวิต แล้วนำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายมาทับศพของผู้ตายบริเวณใบหน้าและลำตัวท่อนบน เพื่อทำให้ดูว่าเป็นการเกิดอุบัติเหตุรถตกคูเสียชีวิต และยังได้ถอดเสื้อแจ็กแก็ตสีน้ำตาลของผู้ตายที่สวมใส่อยู่เอามาเช็ดน้ำอสุจิของตนเอง นำไปทิ้งในพื้นที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และล้างคราบเหล็กที่ใช้ตีเก็บไว้ในช่องเก็บของหลังเบาะนั่งข้างคนขับ

ด้าน พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยถึงการสืบสวนคลี่คลายคดีนี้ว่า ได้ระดมชุดสืบสวนจาก 3 หน่วย ทั้งชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ชุดสืบสวนกองบังคับการสืบสวนภาค 9 และชุดสืบสวน สภ.บางกล่ำ กว่า 30 นาย ทำงานตลอ ด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะการแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิด ทำให้ทราบเบาะแสของรถต้องสงสัยและคนร้าย

คลิป

เริ่มจากเบาะแสสำคัญของคดีนี้ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ริมถนนสายเอเชีย พื้นที่ ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ ซึ่งอยู่ก่อนถึงจุดเกิดเหตุราว 3 กิโลเมตร

พบรถเก๋งเป็นรถโตโยต้า โคโรล่า สีบรอนซ์ ทะเบียน กง 856 ประจวบคีรีขันธ์ เข้ามาจอดเติมน้ำมันในปั๊มเวลา 00.22 น. คืนวันที่ 27 ก.พ. และผู้ตายได้แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มนี้เช่นกัน ซึ่งขณะนั้นยังสวมใส่เสื้อฮูดและล้วงเงินในกระเป๋ามาจ่ายค่าน้ำมัน

ขณะที่รถเก๋งคนร้ายขับออกไปก่อนเล็กน้อย และน่าจะไปดักรอ ซึ่งจากกล้องวงจรปิดที่เลยจุดเกิดเหตุมาเล็กน้อย พบว่ามีเพียงรถเก๋งคันนี้ขับมาคันเดียวโดยไม่มีรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขับตามมาแต่อย่างใด และหากเทียบเวลารถเก๋งคันนี้ก็ขับช้าผิดปกติมาก เพราะจากปั๊มน้ำมันมาถึงจุดที่มีกล้องวงจรปิดอีกตัว ใช้เวลาแค่ประมาณ 2 นาที แต่รถเก๋งคันนี้ใช้เวลาถึง 20 นาที จึงเป็นที่มาของการขยายผลติดตามจับกุม

“เมื่อเปรียบเทียบภาพชายที่ขับรถเก๋งคันนี้จากภาพในกล้องวงจรปิด กับภาพบัตรประชาชนของนายประถม พบว่ามีลักษณะตำหนิรูปพรรณ หน้าตาเหมือนกันทุกประการ จึงเชื่อว่านายประถมเป็นคนร้ายในคดีนี้ รวมทั้งผลการตรวจ DNA จากซอกเล็บของผู้ตาย พบว่าตรงกับ DNA ของนายประถมด้วยอย่างชัดเจน ส่วนรองเท้าแตะสีน้ำเงินที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 คู่ ก็ตรงกับรองเท้าแตะในภาพกล้องวงจรปิดที่ชายขับรถเก๋งสวมใส่เหมือนกัน”

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติของนายประถม หรือ “บังหมัด กงหรา” พบว่า เคยต้องโทษคดีพรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี เพื่อการอนาจารฯ เมื่อปี 2545 ในพื้นที่ สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา ศาลตัดสินจำคุก 1 ปี โทษให้รองลงอาญา 2 ปี ปรับเงิน 5,000 บาท

จากการสอบถามแรงจูงใจการก่อเหตุ นายประถม บอกว่า ก่อนเกิดเหตุได้ไปดื่มเหล้ากับเพื่อนที่ อ.หาดใหญ่ ขากลับแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มและเห็นหญิงสาวคนนี้ขี่รถเข้ามาเติมน้ำมัน จึงมีอารมณ์และก่อเหตุขึ้น

จากนั้นตำรวจภายใต้การนำของ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 คุมตัวนายประถมไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยมีการวางกำลังตำรวจนับร้อยนายมารักษาความเรียบร้อย เนื่องจากมีทั้งพ่อแม่ญาติพี่น้องเพื่อนและแฟนหนุ่มของผู้ตาย รวมถึงชาวบ้านมารอดูการทำแผนเกือบ 200 คน

การทำแผนเริ่มจากนายประถมขับรถเบียดรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย และชนจนตกร่องน้ำกลางถนน จากนั้นได้ลงไปชกหน้าท้อง ลงมือข่มขืนและใช้เหล็กตี ใช้รถจักรยานยนต์ทับร่างอำพรางว่าเป็นอุบัติเหตุ

ช่วงการทำแผนผ่านไปด้วยดีใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง แต่หลังทำแผนเสร็จ และจะนำตัวไปขึ้นรถตู้ ปรากฏว่าญาติพี่น้องและชาวบ้านพยายามแหวกวงล้อมของตำรวจเข้ามาทำร้ายนายประถม พร้อมกับสาปแช่งด่าทอด้วยความโกรธ แต่สุดท้ายตำรวจนำตัวนายประถมขึ้นรถได้อย่างปลอดภัย

ขณะที่พ่อของเหยื่อซึ่งมาดูการทำแผนด้วย บอกว่า ต้องการให้ประหารชีวิตคนร้าย หรือจำคุกตลอดชีวิต เพราะเคยก่อเหตุแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่สำนึกผิด มาก่อเหตุซ้ำสอง ซึ่งจิตใจโหดร้ายมาก

อ่านต่อ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *