ข้อเท็จจริงจากการสอบถามญาติและเจ้าหน้าที่

วันนี้ได้รับการประสานงานจากญาติน้องผู้ที่เสียชีวิตที่ตำบลรูสะมิแล ในฐานะ ส.อบจ.เขตพื้นที่นี้ (ตามภาพที่มีการส่งต่อทางแอพลิเคชั่นไลน์ ว่าน้องเสียชีวิตจากโควิด-19) ให้ช่วยสื่อสารทำความเข้าใจให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงด้วย พร้อมส่งผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ที่มีผลเป็นลบ ส่งมาให้ด้วย (และอนุญาตให้เผยแพร่) ซึ่งหมายถึงไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อโควิดแต่อย่างใด ในเบื้องต้นก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวตามข้อมูลที่มีในตอนนี้ ซึ่งขณะนี้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะแพร่เชื้อในรูสะมิแล ถูกสังคมรอบข้างรังเกียจ

ต่อกรณีนี้มีไทม์ไลน์ดังนี้
1.น้องอายุ 15 ปี ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ก่อนเสียชีวิตประมาณหนึ่งอาทิตย์ โดยขณะนั้นไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ
2.ก่อนเสียชีวิต ไปหาหมอที่โรงพยาลบาลด้วยอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดสะโพก หมอตรวจและให้กลับบ้าน เนื่องจากการซักประวัติทราบว่าเกิดอุบัติเหตุก่อนหน้าที่จะมาพบแพทย์

3.ต่อมามีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก จึงไปโรงพยาบาลอีกครั้ง แพทย์จึงทำการตรวจอีกครั้ง เอกซ์เรย์ปอด ผลเอกซ์เรย์พบว่ามีอาการปอดบวม ติดเชื้อ (ประสานข้อมูลจาก รพ.ปน.) จึงให้เข้าห้องแยก พร้อมให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 และให้แอดมิทโดยแยกผู้ป่วยตามมาตรการในช่วงโควิด ก่อนผลตรวจออกมา และห้ามญาติเฝ้าผู้ป่วย

4.ทางโรงพยาบาลติดต่อญาติว่าผู้ป่วยอาการทรุดลง และต่อมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
5.เมื่อญาติทราบ จึงขอรับร่างกลับบ้านเพื่อประกอบพิธีทางศาสนกิจ แต่โรงพยาบาลแจ้งว่าต้องรอผลตรวจโควิดก่อนจึงจะนำร่างของน้องกลับได้
6.ญาติต้องการทำพิธีให้ทันภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งผลตรวจอาจจะยังไม่ออก จึงหารือกับทางโรงพยาบาล ซึ่ง รพ.แจ้งว่าหากจะนำออกภายในวันที่เสียชีวิตจะต้องทำตามมาตรการป้องกันทางสาธารณสุขอย่างเข้มงวดในการนำร่างไปฝัง (จึงมีภาพตามที่เห็นตามที่ส่งต่อกันในไลน์) ซึ่งญาติก็ยินยอมทำตามที่แพทย์แนะนำ ไม่เช่นนั้นจะต้องรอผลตรวจทั้งสองรอบเสียก่อนซึ่งจะฝังไม่ทันภายใน 24 ชั่วโมง (ข้อมูลจาก รพ.ปน.)

7.เมื่อนำร่างไปฝังที่กูโบร์ (สุสาน) แล้ว ญาติอนุญาตให้มีเพียงอิหม่ามและผู้ร่วมละหมาดเท่านั้นและไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ เกรงว่าจะมีการส่งต่อและเข้าใจผิดต่อการเสียชีวิต8.ผลตรวจโควิด-19 ของผู้เสียชีวิตออกมาเป็นลบ

แต่หลังจากนั้นมีการเผยแพร่ภาพการฝังร่างผู้เสียชีวิตในไลน์และระบุว่าเป็นผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายแรกในตำบลรูสะมิแล ซึ่งไม่มีการยืนยันจากจนท.สธ.หรือแพทย์ผู้เกี่ยวข้อง ทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตถูกตีตราจากสังคมและชุมชนเพื่อนบ้านใกล้เคียงว่าอาจจะติดและแพร่เชื้อต่อได้


จากกรณีดังกล่าวนี้เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาของการสื่อสารในภาวะวิกฤต ซึ่งต้องมีความรอบคอบ เน้นความรวดเร็วเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เกิดการสื่อสารที่ไม่ครบถ้วนจากข้อเท็จจริง

ขณะนี้ได้ประสานงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน ลดความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นและบานปลายได้ในอนาคต อีกทั้งขอความร่วมมือทุกๆท่านที่ได้ข้อความ ภาพ ทางไลน์ในเรื่องนี้ “งด” ส่งต่อด้วยครับ จะขอบคุณมาก เห็นใจครอบครัวผู้เสียชีวิต และ จนท.ผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ตอนนี้ทุกคนเครียดกันมาก
ให้กำลังใจ ขอให้พูดคุยทำความเข้าใจได้ด้วยดี อินชาอัลลอฮ์….

ที่มาข้อมูล จตุรนต์ เอี่ยมโสภา ส.อบจ.ปัตตานี

อ่านต่อ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *