รุ่นพี่เสนอทางแก้ หลังโรงเรียนดังในยะลา ติดอันดับเทรนด์ทวิตเตอร์

หลังจากที่มีกระแส โรงเรียนดังในยะลา ติดอันดับเทรนด์ทวิตเตอร์ ทางรุ่นพี่ได้เสนอทางแก้ โดยได้โพสข้อความลงเฟสส่วนตัว Del Hj Yama ดังนี้

“ตามประสาผมอะนะ ผมร่วมปั่นแล้ว ผมก็จะเสนอทางออกด้วย ไม่ทิ้งขี้แน่นอน เรื่องจากทวิตคราวนี้เห็นกันแล้วมันมีมูลและทางที่ดีควรจะถูกขยับต่อไปสู่การแก้ปัญหา โดยเฉพาะตอนนี้มันเพิ่งเริ่ม ทางแก้มันก็มีอยู่ เห็นชัดด้วย
โพสต์ในทวิตและเฟสบุ๊คมันไม่สามารถทำหน้าที่แก้ปัญหาได้ อย่างเก่งก็แค่ทำให้ปัญหามันนูนออกมาจนต้องมีการแก้ไข มาถึงตรงนี้อย่าใครทะลึ่งบอกนะว่ามันนูนก็กดมันกลับลงไปสิ ไม่เอาๆ อย่าทำตัวเป็นคนมักง่ายหยั่งงั้น

สิ่งที่ทั้งฝ่ายนักเรียนและฝ่ายโรงเรียนผู้เห็นเแย้งต้องการตอนนี้ คือพื้นที่สื่อสารระหว่างนักเรียนกับโรงเรียน แล้วลืมเรื่องกล่องแดงไปซะ มันไม่เวิร์ค เพราะการสื่อสารที่ดีมันต้องเห็นปฏิกิริยาคู่สื่อสารแบบเรียลไทม์ กล่องแดงมันเป็นการสื่อสารทางเดียว ที่กำลังพูดถึงเนี่ยคือการสื่อสาร 2 ทางต่างฝ่ายต้องพูดและฟังพร้อมๆกัน แบบที่สอนในวรรณสารวิจักษ์ ม.6 อ่ะ
คำถามคือเป็นหน้าที่ใคร? อย่าคิดซับซ้อน อย่าเสียเวลาฟัตวาหรือถอด Haraf jar โรงเรียนสิครับ! โรงเรียนอาจจะต้องตัดสินใจนิดหน่อยว่าควรจัดการพูดคุยยังไง ให้นักเรียนสื่อสารแบบไหน จะรับฟังและให้คำมั่นในเรื่องไหนได้บ้าง เราเรียกกระบวนนี้เท่ๆว่า dialogue เนอะ

ส่วนนักเรียนที่อึดอัดขัดข้อง เราต้องทำการบ้านหนักหน่อย ปัญหาที่เจอจะสรุปมันยังไง ใช้หลักการอะไร มันกระทบชีวิต ความรู้สึกหรือสวัสดิภาพเรายังไง ต้องการให้โรงเรียนจัดการยังไง ความยากคือต้องทำการบ้านเพิ่ม ว่าเอาเข้าจริงโดยศักยภาพโรงเรียนทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งมันต้องรวบรวมจากหลายๆคน มีกระบวนการ และโชคร้ายอาจจะต้องทำกันเอง

ถ้าการคุยมันจะมีขึ้นจริงๆก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ควรคาดหวังว่าคุยครั้งเดียวทุกอย่างจะจบ ครั้งแรกของการคุยอาจจะวุ่นวายชิบหายเลยก็ได้ 55 เป็นธรรมชาติของการปะทะกัน นี่คือความขัดแย้งอย่างหนึ่ง และความขัดแย้งเป็นฟิตเราะห์นึงของมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ เราแค่ต้องจัดการมันให้เป็น
เอาล่ะ ที่โพสต์มานี่เราถือเป็นมารยาททางสังคม เราไม่ดราม่า วิพากษ์ แล้วก็ทิ้งขี้ไว้ให้สังคมจัดการ แต่เราเสนอทางออก อาจจะดูโลกสวยไปหน่อย แต่เชื่อเราดิ โลกก็เป็นงี้แหละ มีปัญหาตีกันให้ตายยังไง ถ้าจะจบ ก็ต้องมาเคลียร์กัน

เรื่องนี้ทริคมันอยู่ตรงที่ โรงเรียนต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าหานักเรียนก้าวนึง มีแค่ทางเลือกเดียวด้วย ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมแล้วนะ โรงเรียนคุมการสื่อสารของนักเรียนไม่ได้หรอก นายกฯยังคุมไม่ได้เลย เห็นๆกันอยู่ ฉะนั้น สถานการณ์ไม่ได้แย่ นี่อาจเป็นประตูทำให้โรงเรียนพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ควรคิดว่าการเปลี่ยนแปลงแบบที่เด็กขอจะทำให้อะไรๆแย่ลง
ขอบคุณหลายคนที่ทักเข้ามา ที่เข้ามาโต้แย้ง แลกเปลี่ยนความคิด
ขอเสือกเบื้องต้นแต่เพียงเท่านี้…..แยก แต่ถ้าอยากถกก็มาถกกันนะครับๆ”

โพสดังกล่าว

อ่านต่อ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *